วันนี้มี 10  ข้อคิดมาฝากครับจะได้เป็นมุมมองเพื่อวางโครงสร้างธุรกิจให้กับพวกเราครับ
1.การวางแผนธุรกิจ: หากเรารู้สึกว่าเราวุ่นมากแล้วขอให้เรา “หยุด” ซักหนึ่ง-สองวันกลับมามอง และตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า ที่เรายุ่งทุกวันนี้เพราะอะไร อยากให้ธุรกิจเติบโตไปทางไหนจากนั้น ธุรกิจที่เราสร้างมาให้อะไรกับลูกค้า และเราคาดหวังอะไรในหลังจากนี้อีก 5-10 ปี จากนั้น จากนั้นก็วางแผน และกำหนดเป้าแต่ละช่วงขึ้นมาเพื่อให้เราทำในสิ่งที่ควรจะทำจริงๆ

2.การจัดการทรัพยากรบุคคล: นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยสอนสิ่งใหม่ๆให้กับทีม หรือ ส่งไปเรียนเรื่องๆใหม่ การคัดคนใหม่เข้ามาในองค์กร ยังใช้วิธีเดิมๆ ดูจากเกรด หรือ ดูจากผลลัพธ์ หรือเราเลือกจากประสบการณ์เป็นหลัก อีกประเด็นการผลงานยังใช้ KPI แบบเดิมหรือเราได้ใช้วิธีใหม่ๆเช่น OKR ซึ่งวัดจากผลงานเป็นหลัก เป็นต้น

3.การควบคุมการเงิน: การบริหารการเงิน ยังใช้วิธี แบบเดิมอยู่เช่น ติดอะไรก็ถามบัญชีหรือผู้เกี่ยวข้อง กว่าจะได้คำตอบรอไป 1-2 วัน เดี่ยวนี้มีโทคโนโลยีหลายตัว เพียงแค่เปิด IPAD แล้วดู Dashboard ก็เห็นภาพรวมของกิจการแล้ว

4.การสื่อสาร: หากวันนี้ องค์กรยังใช้ใบปลิว หรือกระดาษโน๊ต และยังสื่อสารกันคลาดเคลื่อนอยู่เสมอเช่น เจ้านายต้องแบบนึง คนทำงานทำอีกแบบนึง ที่สำคัญ ข้อตกลงมาอย่างที่ตกลงไว้กับลูกค้า ยังอยู่ในกระดาษโน๊ต แบบนี้มีโอกาสพลาดสูงมา หาเทคโนโลยีดีๆมาใช้เช่น Evernote,slack หรืออะไรอีกหลายๆอย่างมาช่วย 
6.การเรียนรู้และพัฒนา: ความรู้ที่ องค์กรเราใช้ดำเนินธุรกิจวันนี้เป็นความรู้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หรือไม่หากเป็นแบบนั้นต้องเปลี่ยนได้แล้ว วันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ AI,CHATGPT,Midjourney หรือ ระบบอัตโนมัติต่างๆ เช่น ไอโอที(IOT) ที่จะเข้ามาช่วย ในองค์กรท่านและที่สำคัญเทคโนโลยีเหล่านี้ไปเร็ว หากเราคว้าได้ทันเวลา ก็จะเป็นโอกาส ได้เปรียบคู่แข่ง มีตัวอย่างนึง มีคนใช้ CHATGPT 4.0 สร้างเกมภายใน 4 วันซึ่งเกมส์นี้ สามารถdonwload ได้บนAppstore และ Playstore


7.การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ: เราออกสินค้าใหม่ทุกๆกี่เดือน หรือทุกๆกี่ปี ผู้บริโภคเปลี่ยนไปเยอะและก็เร็วมาก หากเราใช้วิธีการแบบเดิมในการรอลูกค้าตอบให้พนักงานขายเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ทัน วันนี้บางธุรกิจ นำเทคโนโลยีSocial listening หรือ Google keyword หรือ UberSuggess มาช่วยแนะนำว่าเราควรจะปรับตัวไปทางไหน เอาBigData มาคำนวณหาความต้องการลึกๆ(Insight)ของลูกค้า หลายบริษัทประสบความสำเร็จ เช่น Netflix และอื่นๆอีกมากมาย

8.การจัดการโครงสร้างธุรกิจ: หลายองค์กรเติบอย่างรวดเร็วดังนั้นทุกอย่างมาจากการทำงานเพียงไม่กี่คน แต่เมื่อธุรกิจเติบโตบางองค์กร จัดโครงสร้าง ตามแบรนด์สินค้าที่เราผลิตที่เรียกว่า(Business Unit) บางองค์กรจัดโครงสร้างแบบทั่วไปซึ่งประกอบไปด้วย ฝ่ายขาย,ตลาด,บัญชี,การเงิน,สนับสนุน,ฝ่ายผลิต,ฝ่ายบริหาร หรือ บางองค์กรเปลี่ยนรูปแบบ โดยการหาผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาร่วมทุนทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น( Digital transformation) และแยกตัวไปเป็นบริษัท สตาร์อัพใหม่ เราเห็นได้มากมายเลย เช่น ธนาคารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธ.สีม่วง สีเขียว สีเหลือง และอื่นๆ ก็ทำกันทั้งหมด

8.การบริหารความเสี่ยง: เรายังใช้วิธีแบบเดิมหรือไม่คือใช้สัญชาตญานในการบริหารความเสี่ยง หรือ เราใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกิจการของเรา ทั้งหมด ย้ำว่าทั้งหมดนะคือเอา ข้อมูลทุกมิติมาพิจารณา หากไม่มีก็ต้องไปวางแผน ว่าจะทำอย่างไรให้ข้อมูลขององค์กรเชื่อมโยงกันทั้งหมด (Data Centrix) 
9.การตลาดและการสร้างความต่อเนื่อง: การบริหารการตลาดสิ่งเหล่านี้บริษัท ใหญ่ๆเขาทำกันมานานแล้ว แต่มันใช้คนเยอะ ซึ่งวันนี้มีเทคโนโลยีหรือ ระบบโซเชียล ต่างๆเข้ามาช่วย ดังนั้นหากเราใช้สิ่งเหล่านี้เป็น เราจะใช้คนน้อยลงไปมากๆ มีตัวอย่างนึง บริษัทใหญ่หนึ่งในตลาดด้านการสื่อสาร โดยลูกค้าในโซเชียลต่อว่าบริการไม่ดี แปลกใจมั้ยว่า ในเวลาไม่ถึงวัน เขาสามารถ รู้ทันเหตุการณ์และไปแก้สถานการณ์ทันก่อน บานปลาย เขาทำได้อย่างไร อีกตัวอย่าง นึง แคมเปญที่ ออกไป เขารู้ได้อย่างไรมันได้ผล คำตอบคือ เขาใช้เทคโลยีติดตาม และวัดผลเป็นต้น
10.การดูแลลูกค้า: หากวันนี้การดูและลูกค้า ยังฝากเรื่องกันไปมา แบบเดิมๆ ลูกค้าหนีหมด เคยมั้ยครับโทรไป บริษัทนึงกว่าจะได้เจอคนที่แก้ปัญหาได้ ต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำกี่รอบ แต่ถ้าหากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีและเหมาะกับเรา สิ่งเหล่านี้ จะส่งต่อกันได้แบบไร้รอยต่อ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราต่อๆไป


Ittipat Itsun 19 ตุลาคม ค.ศ. 2023
แชร์โพสต์นี้
แท็ก
เก็บถาวร